รีโนเวทบ้านไม้ 5 จุดที่ต้องตรวจเช็กให้ชัวร์ก่อนลงมือ

รีโนเวทบ้านไม้

รีโนเวทบ้านไม้ การปรับปรุงบ้านไม้เป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของบ้านหรือคนที่กำลังวางแผนจะสร้างบ้านไม้จะต้องสนใจ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป บ้านไม้ที่สวยงามเมื่อใด ก็จะมีสภาพเสื่อมลงตามเวลา จะเกิดไวหรือช้าขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ซึ่งจะต้องดูแลถึงข้อดี-ข้อเสีย และ และหากมีปัญหาต้องสามารถซ่อมแซมให้บ้านไม้สวยงาม แข็งแรง เป็นเสมอได้อย่างทั่วมีความทนทานอย่างต่อเนื่อง

ข้อดีของบ้านไม้ รีโนเวทบ้านไม้

“ไม้” มีข้อดีหลายอย่างเมื่อนำมาใช้ในการสร้างบ้าน ไม่เพียงแต่เป็นวัสดุที่มีราคาไม่แพงและสามารถหาได้ง่ายตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีความคงทนต่อสภาพอากาศที่ดีและมีคุณภาพสูง ในขณะที่มีวัสดุอื่นที่นิยมใช้สร้างบ้านอย่าง ดิน อิฐ และปูน ถึงกระทั่งบ้านไม้ก็ยังคงเป็นที่นิยมเพราะคุณค่าเหล่านี้ทั้งหมด

  1. สวยงาม

บ้านไม้มีความสวยงาม คลาสสิก ร่วมสมัย ไม่ตกยุค ดังจะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังคงมีการสร้างบ้านไม้ให้เห็นกันอยู่

  1. แข็งแรง ทนทาน

ด้วยความที่ไม้มีความยืดหยุ่น เพราะฉะนั้นเวลาที่เกิดภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว บ้านไม้จึงมีความแข็งแรง ทนทาน เกิดรอยร้าวได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับบ้านที่สร้างด้วยวัสดุอื่น ๆ

  1. ถ่ายเทอากาศได้ดี

บ้านไม้จะอากาศถ่ายเทได้สะดวก เนื่องจากบ้านไม้จะมีช่องว่างตามรอยต่อของไม้ ผนังไม่ได้ทึบจนไม่มีช่องว่างให้อากาศถ่ายเท ทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่รู้สึกอบอ้าวเวลาอยู่ภายในบ้าน ช่วยประหยัดพลังงาน ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา

  1. สามารถปรับแต่งและต่อเติมได้

เนื่องจากไม้เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง การปรับแต่ง ต่อเติม หรือ รีโนเวทบ้านไม้ สามารถทำได้ง่าย โดยสามารถผสมผสานกับวัสดุอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว ซึ่งมักพบเห็นว่ามีการนำไม้มาผสมกับปูน (บ้านไม้กึ่งปูน) หรือบ้านไม้โครงสร้างเหล็กอยู่บ่อย ๆ ครับ

  1. การรื้อถอนและเคลื่อนย้ายง่าย

หากต้องการย้ายไปที่ใหม่ สามารถรื้อถอนบ้านไม้และย้ายมันไปสร้างบ้านใหม่บนที่ดินของเราได้โดยสะดวก นับว่านี้เป็นวิธีการรีโนเวทบ้านไม้ให้สวยงามและปรับปรุงตกแต่งใหม่ลงตัวอีกวิธีหนึ่งครับ

รีโนเวทบ้านไม้

ข้อด้อยของบ้านไม้

ถึงแม้บ้านไม้จะมีข้อดี แต่ถ้าหากพูดถึงข้อเสียก็มีเช่นเดียวกัน และอาจทำให้ต้องทำการปรับปรุงบ้านไม้อย่างรวดเร็วกว่าแผนที่ได้วางไว้เดิม

  1. ปลวก มด และแมลงกัด
    อาจจะต้องวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าเลย เนื่องจากบ้านไม้มีความเสี่ยงต่อการถูกทำลายโดยปลวก มด และแมลงที่กัดเนื้อไม้ จึงจำเป็นต้องใช้เงินในการดูแลและรักษาไม้อย่างพิเศษ เช่น เต็มสีกันแมลง เพื่อป้องกันความสลายของเนื้อไม้
  2. บ้านที่รั่วซึม
    วัสดุไม้จะยืดหยุ่นได้ตามสภาพอากาศ ทำให้บ้านมักจะซึมน้ำเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน อาจเกิดประการที่บ้านจะรั่วแตกพอช่อมตามช่องไม้ได้ ตรวจสอบสภาพบ้านให้ร่วมแผนต่อไม่เสียเวลา และป้องกันล่วงได้ด้วยที่ทาน้ำยากันรั่วซึม
  1. ไม้ชื้น เสื่อมสภาพเร็ว

การจัดเก็บไม้ชื้นเป็นหนึ่งในข้อเสียของบ้านไม้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ระเบียง หรือบันไดที่มีโอกาสตกฝนบ่อย จึงต้องใช้สีน้ำมันหรือสีพลาสติกเพื่อป้องกันความชื้น ไม่ให้น้ำเข้าสู่ไม้ เพื่อป้องกันไม้ไม่จะแหวะล้าหายในอนาคต

  1. เกิดเสียงดังเมื่อเดิน

บ้านไม้มักมีเสียงดังเวลาเดินภายในบ้าน นั้นเป็นผลมาจากการตัวไม้ยืดและหด ซึ่งสร้างเสียงรบกวนทั้งภายนอกและภายในบ้าน นอกจากนี้ยังมีเสียงผ่านรูรอยต่อไม้ หากต้องการลดเสียงรบกวนที่ทำให้น่ารำคาญ อาจต้องใช้วัสดุเสริม เช่น กระเบื้องยาง พื้นไม้ไวนิล หรือพรมปูบนพื้นไม้เดิม เพื่อปิดรอยระหว่างพื้นไม้

  1. ราคาสูง

ในปัจจุบัน ราคาไม้สูงขึ้น อาจทำให้ต้นทุนในการสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากขึ้น โดยเฉพาะไม้เนื้อดี เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงและทนทาน ทำให้มีราคาสูง นอกจากนี้ การสร้างบ้านจากไม้ยังต้องการช่างที่มีความชำนาญ ซึ่งค้นหาได้ยาก

รีโนเวทบ้านไม้

5 จุดต้องตรวจเช็ก รีโนเวทบ้านไม้

การรีโนเวท (Renovate) หมายถึง การซ่อมแซมหรือบูรณะให้กลับมามีสภาพดีเหมือนเดิม ออฟฟิศโมเดิร์น เช่น การรีโนเวทบ้าน คือการปรับปรุงสภาพบ้านให้อยู่ในสภาพดี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อซ่อมแซมหรือปรับปรุงรูปแบบใหม่ ในการรีโนเวทบ้านไม้นั้น จะต้องตรวจเช็คหลายจุดเพื่อให้บ้านไม้สวยงาม ดูใหม่อยู่เสมอ และอยู่กับเราไปได้นาน ๆ โดยเฉพาะ 5 จุดสำคัญเหล่านี้

  1. การปรับปรุงบ้านไม้ควรให้ความสำคัญที่ประตูและหน้าต่าง เนื่องจากจุดดังกล่าวมีการใช้งานบ่อย มีการเปิด-ปิดทุกระยะ เช่นอาจเกิดความเสียหายหรือชำรุดได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะหากโดนฝนบ่อย ๆ การปรับปรุงบ้านไม้ควรเริ่มจากประตูและหน้าต่างเป็นจุดแรกที่ควรตรวจสอบ วิลล่าภูเก็ต

แนวทางการแก้ไข: หากรู้สึกคุณภาพไม้แป่กปั่น ควรเร่งเปลี่ยนแผ่นไม้ที่แห้งหรือไม้เน่าออก และทาสีน้ำมันเพื่อป้องกันการชะงัง และหากพบว่ามียางสนิมอันเป็นต้นเหตุของความเสียหาย ควรเข้าแก้ไขโดยการเปลี่ยนแผ่นใหม่ขึ้นมาแทน

  1. พื้น และผนังบ้าน แม้ว่าบริเวณพื้นบ้าน และผนังบ้าน จะไม่ค่อยได้ถูกแสงแดด ลม หรือฝน แต่ก็เกิดความเสียหายได้เช่นกัน เช่น รอยขีดข่วนต่าง ๆ จากการลากเฟอร์นิเจอร์ การที่มีกรวดหรือทรายบนพื้นไม้ และการขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยง อาจทำให้พื้นบ้านหรือแม้แต่ผนังบ้านเกิดรอยได้ แม้จะหลีกเลี่ยงได้ยาก ซึ่งถ้าใครที่หลงรักงานไม้ก็อาจจะทำใจในข้อนี้ไม่ได้จริง ๆ

แนวทางการแก้ไข: การปรับปรุงบ้านไม้ในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบความลึกและขนาดของรอยฟันเลื่อยก่อน ถ้ารอยไม่ลึกมาก สามารถซ่อมได้ด้วยทาปาร์คเกอร์สี สำหรับรอยลึกปานกลาง ใช้ลูกบี้สีที่ใกล้เคียงกับสีพื้นไม้ของเรา สำหรับรอยลึกมากใช้สีเปาวไม้และปาดให้เรียบร้อยกับพื้นไม้ หรือขัดพื้นและทาสีใหม่ ในกรณีที่มีรอยฟันเลื่อยจำนวนมาก

  1. ระเบียงบ้าน โดยส่วนใหญ่แล้วระเบียงบ้านหรือชานบ้าน เป็นจุดที่เกิดความเสียหายได้บ่อย เพราะเป็นจุดที่ต้องโดนทั้งแดด ลม ฝน มากกว่าจุดอื่น ๆ อาจทำให้ไม้เกิดความเสียหาย เนื้อไม้ซีดหรือผุพังได้ เป็นอีกจุดที่ก่อนรีโนเวทบ้านไม้ต้องตรวจเช็กให้ดี

แนวทางการแก้ไข: ทาสีน้ำมัน หรือสีพลาสติก เพื่อเป็นการดูแลเนื้อไม้ และยังทำให้เนื้อไม้มีสีที่เด่นชัด สวยงาม

  1. เนื้อไม้ การรีโนเวทบ้านไม้ ควรดูแลรักษาเนื้อไม้ให้มีความแข็งแรง ทนทาน เพื่อให้มีอายุการใข้งานที่ยาวนาน โดยควรตรวจเช็คเนื้อไม้ทุก ๆ 4 เดือน เพราะหากมีปลวกมาทำลายเนื้อไม้ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที วิลล่า

แนวทางการแก้ไข: ใช้น้ำยาเคลือบเนื้อไม้ เพื่อให้อายุไม้ยาวนาน แถมยังลดปัญหาเนื้อไม้เสียหายมากขึ้น

  1. เฟอร์นิเจอร์ไม้ ด้วยความที่เป็นบ้านไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้จึงเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อให้ดูเข้ากัน และถึงแม้เฟอร์นิเจอร์ไม้เหล่านี้จะอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกมาโดนแดด โดนฝน แต่ก็อาจจะชำรุดเสียหายได้จากการโดนน้ำเวลาทำความสะอาดบ้าน ไม้เกิดความชื้นจากการที่น้ำซึมเข้าเนื้อไม้ รีโนเวทบ้านไม้ทั้งที จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่นำมาตกแต่งบ้านด้วย

แนวทางการแก้ไข: ควรเลือกใช้น้ำยาเคลือบผิวไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าเนื้อไม้ หรือถ้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นไหนเกิดความเสียหายผุพังมาก อาจจะถือโอกาสนี้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ จะได้เข้ากับบ้านไม้หลังงามที่รีโนเวทจนสวยเหมือนใหม่ ออกแบบห้องนอนผู้สูงอายุ

บ้านไม้ที่ใช้งานได้นานถึง 100 ปีแล้วอาจเสื่อมสภาพได้ถ้าไม่ได้ดูแลรักษาหรือปรับปรุงอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นเร็วขึ้นกว่าปกติ เพื่อให้บ้านยังคงสวยงามอยู่กับเราได้นานๆ ควรทำการตรวจสอบและซ่อมแซมที่มีปัญหาได้ที่บางส่วนด้วยตนเอง แต่บางส่วนอาจต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญในการช่วยดูแลและซ่อมบ้านให้มั่นใจได้ว่ามีความเยื่ยมในการใช้งานบ้านไม้ที่ยาวนาน