สวนหน้าบ้าน ทาวน์เฮ้าส์
สวนหน้าบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ หากเราเป็นคนที่ชื่นชอบธรรมชาติหรือพื้นที่สีเขียว แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในบ้านทาวน์โฮมที่มีพื้นที่ดิน/พื้นที่ใช้สอยน้อย และเป็นคูหาติดกับเพื่อนบ้านหลายๆหลัง แล้วเราจะสามารถนำพื้นที่ตรงไหนมาปลูกต้นไม้ได้ล่ะซึ่งผมก็ได้ลองสำรวจตลาด และรวบรวมข้อมูลทาวน์โฮมรูปแบบต่างๆดู แล้วก็พบว่า จริงๆแล้วนักออกแบบหรือผู้ประกอบการแต่ละเจ้า เค้าก็ได้คำนึงถึงเรื่องนี้อยู่บ้างเหมือนกัน โดยจะปรากฏอยู่ทั้งในแปลนบ้าน และบางที่เค้าก็ให้ มาจัดมุมฟังก์ชันเป็นไอเดียให้เราได้ดูของจริงกันด้วย ซึ่งผมสามารถแบ่งออกเป็น 5 หัวข้อใหญ่ๆได้ดังนี้ read more
- การแบ่งพื้นที่ทำสวนหน้าบ้าน-หลังบ้าน
- สวนริมรั้วข้างบ้าน ของทาวน์โฮมแปลงมุม/ทาวน์โฮมแฝด
- สวนกระถาง/สวนแนวตั้งตรงระเบียง
- สวนขนาดใหญ่บนชั้นดาดฟ้า
- Private Courtyard ตรงกลางบ้าน
การแบ่งพื้นที่ทำสวนหน้าบ้าน-หลังบ้าน
ทาวน์โฮมทั่วไปจะมีพื้นที่ดินที่เกิดจากการเว้นระยะ Set back ตามกฎหมาย ตรงบริเวณหน้าบ้าน 3 m. และหลังบ้าน 2 m. ซึ่งตรงจุดนี้เองที่เราจะสามารถปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณชั้น 1 ให้กับตัวบ้านของเราได้ครับ
และข้อดีของการปลูกต้นไม้/ทำสวน บริเวณหน้าบ้าน-หลังบ้านก็คือ เป็นการปลูกต้นไม้ลงดินโดยตรง เลยทำให้เราสามารถใช้เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ได้เลยครับ แต่ก็ใช่ว่าบ้านทุกแบบจะเหมาะกับการปลูกต้นไม้/ทำสวนเสมอไปนะ เพราะเราจำเป็นต้องคำนึงถึงฟังก์ชันที่ทางโครงการออกแบบไว้ด้วย โดยจะมีข้อพิจารณาดังต่อไปนีแบบห้อง loft
พื้นที่หน้าบ้าน
ปกติแล้วบริเวณหน้าบ้านก็จะเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถใช่มั้ยครับ โดยลักษณะของทาวน์โฮมในท้องตลาดจะมีหน้ากว้างเริ่มต้นตั้งแต่ 4 m. ไปจนถึง 10 m. ก็มีบ้านพักพูลวิลล่า ระยอง
แต่ที่น่าสนใจคือ ทาวน์โฮมไซส์มาตรฐาน 4 , 5 , 5.5 และ 5.7 m. ที่ส่วนใหญ่จะสามารถจอดรถได้ 1 – 2 คัน จะมีบางโครงการที่เค้าไม่ได้ใช้เป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด แต่จะมีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้สามารถปลูกต้นไม้/จัดสวนได้ด้วย หรือถ้าบ้านไหนใช้งานรถเพียงแค่คันเดียวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็อาจแบ่งพื้นที่ส่วนที่เหลือไปทำสวนได้เช่นกัน
ข้อดีของการปลูกต้นไม้หน้าบ้าน นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่น และความร่มรื่นให้กับตัวบ้านแล้ว ยังช่วยในเรื่องการพรางสายตาจากคนภายนอก และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่อยู่ในบ้านได้ดีอีกด้วยครับ
โดยต้นไม้ที่แนะนำก็จะเป็นประเภทไม้พุ่มขนาดกลาง-ไม้ยืนต้นทรงสูง ที่แผ่กิ่งก้าน/รากออกทางด้านข้างไม่มากนัก เพราะจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างบ้าน เช่น
- พืชมีพุ่ม ให้ร่มเงา : ซิลเวอร์โอ๊ค / ไผ่เลี้ยง / อโศกอินเดีย / กันเกรา / ตีนเป็ดน้ำ / หูหนู / สนฉัตร / สนสามร้อยยอด / ไทรเกาหลี
- พืชดอกสวยงาม มีกลิ่นหอม : แคป่า / จำปี / รำเพย / ลีลาวดี / รวงผึ้ง / จำปา / ทองกวาว / สายหยุด / แก้ว / เข็ม / แสงจันทร์ / โมก / ทองอุไร / ยี่โถ
- พืชกินได้ ผลไม้ : มะม่วง / ฝรั่ง / ชมพู่
พื้นที่หลังบ้าน
คนส่วนใหญ่มักจะต่อเติมครัวบริเวณหลังบ้านทาวน์โฮม และผมก็เคยเห็นไอเดียการแบ่งพื้นที่ครัวส่วนหนึ่ง ให้กลายเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้แบบ Outdoor ซึ่งก็คิดว่าเป็นฟังก์ชันที่เจ๋งดีมากๆ
โดยข้อดีของฟังก์ชันแบบนี้คือ เราสามารถทำช่องเปิดเพื่อระบายากาศ และเพิ่มปริมาณแสงให้สว่างเข้ามาภายในบ้านได้มากขึ้น หรือบางคนก็อาจใช้เป็นพื้นที่ตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้เช่นกั
สิ่งที่ต้องคำนึงคือ คนเรามีความชอบและความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราอาจต้องลองถามตัวเองก่อนว่า ฟังก์ชันครัวจำเป็นสำหรับบ้านของเรามาก-น้อยแค่ไหน?
โดยบ้านตัวอย่างที่ผมเคยได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมนั้น เค้ามักจะแบ่งพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ให้กลายเป็นพื้นที่สวนหลังบ้านครับ (สมมุติบ้านกว้าง 4 m. ก็แบ่ง 1 m. ไว้ปลูกต้นไม้โดยเฉพาะเลย) แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะครับ สามารถลองปรับอัตราส่วนให้เข้ากับการใช้งานของเราได้เลย
และสำหรับพันธุ์ไม้ที่อยากแนะนำให้ปลูกก็คือ พืชผลที่เราสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตมารับประทานได้ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้และพืชผักสวนครัวต่างๆ ซึ่งเราก็สามารถนำผลผลิตเหล่านั้นมาประกอบอาหารต่อในครัวได้นั่นเองครับบ้านพักพูลวิลล่า กระบี่
สวนริมรั้วข้างบ้าน ของทาวน์โฮมแปลงมุม/ทาวน์โฮมแฝด
สำหรับทาวน์โฮมแฝดอาจเป็นศัพท์ที่ไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นโปรดักส์ที่เราไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยๆ โดยเค้าจะเป็นทาวน์โฮม 2 คูหาติดกัน ลักษณะคล้ายบ้านแฝดที่มีที่ดินด้านข้างเพิ่มขึ้นมา และได้เป็นเหมือนทาวน์โฮมแปลงมุมทั้งคู่เลยครับ
ข้อดีของทาวน์โฮมชนิดนี้คือ เป็นรูปแบบที่เราสามารถปลูกต้นไม้ หรือทำสวนได้จริงจังไม่แพ้บ้านแฝด/บ้านเดี่ยวเลยครับ แถมยังมีช่องแสงด้านข้าง และได้ความเป็นส่วนตัวจากเพื่อนบ้านมากขึ้นอีกด้วย แต่ก็แลกกับราคาที่ดินที่เราจะต้องจ่ายเพิ่มด้วยเช่นกัน
ซึ่งทาวน์โฮมลักษณะนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มีที่ดินรอบบ้านไว้ปลูกต้นไม้/ทำสวน มีพื้นที่ให้ลูกๆหลานๆ หรือน้องหมาน้องแมว ได้มาวิ่งเล่นออกกำลังกายในบริเวณบ้านกันได้ด้วยนั่นเองครับ
โดยพันธุ์ไม้เราก็สามารถเลือกปลูกได้หลากหลายตามความชอบเลย ไม่ว่าจะเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ไปจนถึงไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่ยังต้องคำนึงให้ดีก่อนเลือกก็คือ ควรเป็นพันธุ์ที่กิ่งและรากไม่แผ่ขยายใหญ่มากเกินไป จนอาจสร้างความเสียหายกับโครงสร้างบ้านของเรา หรือเพื่อนบ้านหลังข้างๆได้ครับ
สวนกระถาง/สวนแนวตั้งตรงระเบียง
พื้นที่จิ๋วแต่แจ๋วบนชั้น 2 – 3 ของตัวบ้าน ที่เหมาะอย่างมากสำหรับการปลูกต้นไม้/ทำสวนเล็กๆน่ารัก เพราะต้นไม้หลายๆชนิดเค้าก็ยังคงต้องการแสงแดด และการถ่ายเทอากาศที่ดีอยู่ แถมยังหมดห่วงเรื่องปัญหาความชื้นภายในบ้าน และแมลงศัตรูพืชจากพื้นดินไปได้ด้วยครับ ซึ่งหากเราจัดออกมาดีๆ ก็อาจกลายเป็นมุมโปรดส่วนตัวของใครหลายคนเลยก็ได้นะ
โดยลักษณะการจัดสวนบริเวณระเบียง จะเป็นการปลูกต้นไม้ในกระถางเล็กๆ หรืออาจทำเป็นสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) ก็ได้เช่นกัน โดยพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมก็จะพืชสวยงามทั้งหลาย ที่คนส่วนใหญ่มักนิยมปลูกบนอาคารหรือภายในบ้านกันอยู่แล้วนั่นเองครับ
เพราะเป็นพืชที่ดูแลรักษาได้ง่าย และต้องการดิน/แสงในปริมาณที่น้อย เช่น ลิ้นมังกร / ตีนตุ๊กแกฝรั่ง / เดหลี / พลูด่าง / เศรษฐีเรือนใน / มอนสเตร่า และต้นจั๋ง เป็นต้น ซึ่งเราอาจหาโต๊ะเก้าอี้น่ารักๆมาตั้ง เพื่อใช้นั่งจิบชา/กาแฟ หรือจะมานั่งทำงาน/อ่านหนังสือช่วง WFH แบบนี้ก็ได้ครับ
อีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจ จะเป็นการปลูกต้นไม้เพื่อใช้เป็น Facade ตกแต่งบรรยากาศหน้าบ้านไปด้วยในตัว ซึ่งที่ผมเคยเห็นมาบ่อยๆก็จะมี 2 แบบด้วยกันคือ
- การทำระแนงสำหรับกลุ่มไม้เลื้อย ที่ค่อยๆให้ต้นไม้ได้เติบโตจนกลายเป็น Green Wall ที่สวยงาม เช่น เหลืองชัชวาล / พวงประดิษฐ์ / ม่านบาหลี / เล็บมือนาง / ลดาวัลย์ / กระดังงา และจันทร์กระจ่างฟ้า เป็นต้น
- จริงจังขึ้นมาหน่อยก็จะเป็นการปลูกต้นไม้ในกระถาง/กระบะขนาดใหญ่ ซึ่งควรเกิดจากการคิดและออกแบบร่วมด้วย ไม่ใช่ว่าคิดจะทำก็ทำได้เลยนะครับ เพราะมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับน้ำหนักของโครงสร้างบ้าน ความชื้นจากดินที่ปลูก และการวางระบบรดน้ำต้นไม้ เป็นต้น โดยต้นไม้ที่ผมแนะนำให้ปลูกได้ ก็จะเป็นกลุ่มพืชขนาดกลางที่สามารถปลูกในดินพื้นที่จำกัดได้ เช่น ลีลาวดี / หลิว / แก้วมุกดา / รำเพย และไผ่เลี้ยง เป็นต้น
สวนขนาดใหญ่บนชั้นดาดฟ้า
ส่วนใหญ่ทาวน์โฮมที่มีชั้นดาดฟ้า มักจะเป็นทำเลในเมืองที่มีราคาที่ดินสูง จึงทำให้ต้องใช้ทุกตารางเมตรให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งพื้นที่บนชั้นดาดฟ้าก็ถือเป็นพื้นที่เนกประสงค์ขนาดใหญ่ ที่เราสามารถขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายเลยครับ
เช่น เราอาจทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น มีศาลาพักผ่อน จัดเป็นโต๊ะปิกนิกปิ้งบาร์บีคิวกับเพื่อนๆ หรือจะทำเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวไปเลยก็ได้ (ถ้าโครงสร้างบ้านรับน้ำหนักได้มากพอ) แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะทำให้พื้นที่บนดาดฟ้าของเราน่าใช้งานก็คือ การจัดพื้นที่สีเขียวและปลูกต้นไม้ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศให้มีความร่มรื่นและสดชื่นมากขึ้นนั่นเอง
สำหรับพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมก็จะมีตั้งแต่ไม้พุ่มและไม้ดอกขนาดเล็ก ไปจนถึงต้นไม้ขนาดกลางที่ใช้พื้นที่ในการปลูกน้อย ซึ่งก็จะคล้ายๆกับต้นไม้ที่ปลูกตรงระเบียงก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่เราอาจเลือกชนิดของต้นไม้ที่ชอบแสงแดดจัดๆด้วยหน่อยก็จะดีเลย
เช่น โกสน / ไทรเกาหลี / วาสนา / ลิ้นมังกร / จั๋ง / โมก / ไผ่ / เฟื่องฟ้า และหมากผู้หมากเมีย เป็นต้น เพราะบนชั้นดาดฟ้าเป็นจุดที่ต้นไม้จะได้รับแสงอาทิตย์ตลอดทั้งวัน ถ้าเราใช้เป็นต้นที่ไม่ค่อยชอบแดดล่ะก็ น้องอาจแห้งเหี่ยวหรือป่วยได้ง่ายนั่นเองครับ
Private Courtyard ตรงกลางบ้าน
มักจะเป็นโครงการมีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบที่เด่นชัด และแตกต่างจากทาวน์โฮมทั่วๆไป ซึ่งเราไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็นกันบ่อยนัก โดยจะเป็นการยอมเสียพื้นที่ส่วนหนึ่งบริเวณกลางบ้าน ให้กลายเป็นพื้นที่สวนสำหรับปลูกต้นไม้/ทำสวนได้ แต่การจะทำฟังก์ชันลักษณะนี้ได้จะต้องเกิดจากการออกแบบที่ดี และมีสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง 3 อย่างหลักๆคือ
- แสงแดด
- ปริมาณน้ำ
- การถ่ายเทของอากาศ
ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้ต้นไม้ของเราเจริญเติบโตได้ดีครับ เพราะต้นไม้เองก็ยังคงต้องการสังเคราะห์แสง และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีด้วย
ดังนั้น Courtyard บริเวณกลางบ้าน จึงมักจะมีการเปิดช่องแสงด้านบน และเชื่อมต่อกับภายนอก กลายเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor เพื่อให้แสงได้ส่องลงมา หรือฝนตกลงมาบริเวณนี้ได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ และเหมาะสมที่สุดในการปลูกต้นไม้ครับ
แต่ในความเป็นจริงแล้วเราอาจไม่ได้อยากจะเปิดช่องแสงอยู่ตลอดเวลาใช่มั้ยครับ ซึ่งสิ่งที่จะเข้ามาช่วยสำหรับฟังก์ชันนี้ได้คือ ระบบการเปิด-ปิดหลังคาแบบอัตโนมัติ ที่จะใช้ระบบเซ็นเซอร์ในการทำงานตามที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้
เช่น การตั้งเวลาให้ปิดหลังคาในตอนเย็น เพราะเราอาจไม่ต้องการให้มีแมลงเข้ามารบกวนในบ้านตอนกลางคืน หรือจะเป็นการตั้งให้ปิดเมื่อมีฝนตก เพราะไม่อยากให้พื้นในบ้านเปียก เป็นต้น ซึ่งถ้าใครสนใจก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามอินเตอร์ และจ้างช่างมาติดตั้งให้ได้เลยครับ
การปลูกต้นไม้ในกระถางใหญ่ งานระบบเป็นสิ่งสำคัญ!!
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ในตำแหน่งไหนของบ้าน หากเราต้องปลูกลงในกระถาง/กระบะขนาดใหญ่ที่เตรียมเอาไว้ การเตรียมงานระบบถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเลยครับ เพราะนี่จะไม่ใช่การปลูกต้นไม้ลงดินแบบทั่วๆไป แต่จะเป็นการปลูกในพื้นที่ที่จำกัด และบางทีก็เป็นการปลูกอยู่ในอาคารหรือบนชั้นสูงๆ
ซึ่งการเตรียมงานระบบที่ดีจะช่วยทำให้ต้นไม้สามารถเจริญเติบโตได้ดี รวมถึงยังมีส่วนช่วยปกป้องโครงสร้างบ้านของเราได้ในระยะยาวอีกด้วย โดยการปลูกต้นไม้ลงในกระถางหรือกระบะขนาดใหญ่ มีสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอยู่ 4 อย่าง ประกอบด้วย
- ระบบท่อน้ำดี
- ระบบท่อระบายน้ำทิ้ง
- การติดตั้งตระแกรงระบายน้ำ และแผ่นใยสังเคราะห์ใต้ดิน
- ระบบท่อเติมอากาศใต้ดิน
ระบบท่อน้ำดี
แน่นอนว่าการปลูกต้นไม้ก็ต้องมีการรดน้ำอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งเราอาจติดตั้งก๊อกน้ำไว้ใกล้ๆ เพื่อต่อสายยางฉีดรดน้ำต้นไม้ได้ด้วยตัวเอง หรืออาจติดตั้งสปริงค์เกอร์สำหรับรดน้ำอัตโนมัติก็ได้ครับ ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกหลากหลายแบบเลย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเวลา การตรวจจับอุณหภูมิและความชื้น หรือจะเป็นแบบสั่งการด้วยรีโมทก็มีเหมือนกัน
ระบบท่อระบายน้ำทิ้ง (Floor Drain)
บางทีเราอาจรดน้ำต้นไม้เยอะจนเกินไป หรือถ้าวันไหนเกิดฝนตกหนักๆ ดินก็จะอุ้มน้ำและมีน้ำขังอยู่ใต้ดินเป็นปริมาณมาก ดังนั้นเราจึงควรมีท่อน้ำทิ้งอยู่ใต้ดินเพื่อช่วยระบายน้ำส่วนเกินนั้นออกไป ซึ่งจะทำให้รากของต้นไม้ไม่เน่าเสียง่ายนั่นเองครับขอบคุณภาพประกอบจาก บริษัท แมทติพลาย จำกัด
การติดตั้งตระแกรงระบายน้ำ และแผ่นใยสังเคราะห์ใต้ดิน
เป็นแผ่นวัสดุสังเคราะห์ สำหรับติดตั้งในงานที่ต้องอาศัยระบบการระบายน้ำใต้ดิน ซึ่งจะปูอยู่รอบๆกระบะปลูกต้นไม้ทั้งด้านล่างและด้านข้าง เพื่อที่จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างดินกับผนังปูน และกลายเป็นช่องทางให้น้ำสามารถระบายผ่านไปได้
โดยระบบนี้ก็มักจะติดตั้งคู่กับแผ่นใยสังเคราะห์ (Geotextile) ที่จะมีคุณสมบัติช่วยป้องกันไม่ให้เศษดินชิ้นเล็กๆผ่านตัวตระแกรง Drainage Cell ไปอุดตันท่อต่างๆได้ แต่ยังยอมให้น้ำสามารถไหลผ่านได้ตามปกติครับ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการป้องกันความชื้นจากดิน ไม่ให้สัมผัสโดนผนังปูนโดยตรง ซึ่งในระยะยาวมักจะเกิดปัญหารอยแตกราว หรือคราบตะไคร่ต่างๆได้ง่ายนั่นเองครับ
ระบบท่อเติมอากาศใต้ดิน
ต้นไม้ไม่ได้หายใจผ่านเฉพาะทางใบอย่างเดียวเท่านั้น แต่รากใต้ดินเองก็ต้องการอากาศให้หายใจด้วยเหมือนกัน ซึ่งในช่วงแรกๆดินอาจยังมีความพรุนค่อนข้างสูง แต่พอรดน้ำบ่อยๆนานวันเข้าดินก็จะเริ่มแน่นขึ้น และถ้ารากใต้ดินไม่สามารถหายใจได้สะดวก ต้นไม้ก็อาจป่วยหรือเป็นโรคได้ง่ายนั่นเอ