ออกแบบครัว
ออกแบบครัว หากลองนึกถึง ภาพครัวสมัยก่อน เราก็มักจะเห็น คุณแม่ยืนทำอาหาร อยู่หน้าเตา แบบเหงา ๆ ภายในครัวไทย ที่แยกไว้หลังบ้าน ซึ่งทำให้คนทำครัวแทบไม่มีโอกาสได้ปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่อื่น ๆ ในบ้านเลย แต่ในระยะหลังการ ออกแบบ สถาปัตยกรรมบ้านเราได้รับอิทธิพลจากตะวันตก นิยมจัดพื้นที่ครัวไว้ภายในบ้านมากขึ้น
โดยเฉพาะโครงการจัดสรรที่มักออกแบบครัวเบามาให้เลย แน่นอนว่าเจ้าของบ้านจะได้ห้องครัวสวยดูทันสมัยและใช้พื้นที่ร่วมกับส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้ แต่ความงามที่ แถมมาอาจ ไม่ตอบโจทย์การใช้งาน เพราะ วัสดุสร้างครัวส่วนใหญ่เป็นไม้ MDF หรือไม้ Partical Board ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้งานจริงของคนไทยที่ต้องทำอาหารตำ โขลก ลาบ ครัวจะต้องแข็งแรง รองรับงานหนักได้
1.เลือกตำแหน่งทิศห้องครัวให้รับแสง
บ้านที่ไม่ได้ออกแบบตำแหน่งครัวให้เหมาะสมตั้งแต่แรก อาจจะพบปัญหาครัวมืด ชื้น หรือร้อนเกินไปในช่วงที่ทำกับข้าว การวางตำแหน่งครัวให้สัมพันธ์กับทิศทางแสง จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญตั้งแต่ในขั้นตอนการออกแบบ ครัวที่ดีต้องอยู่ในทิศที่มีเเสงสว่างส่องเข้าถึงได้ เพื่อช่วยไล่ความอับชื้นและฆ่าเชื้อโรค สำหรับเมืองไทยตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับครัวคือ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทิศที่สามารถ รับแสงและลมได้พอเหมาะ ในด้านฮวงจุ้ยมักจะแนะนำให้วางห้องครัวอยู่ในด้านทิศตะวันออกและทิศใต้ เพราะทางทิศตะวันออกจะได้รับเเสงแดดตั้งเเต่เช้าถึงเที่ยง เวลาทำกับข้าวช่วงเย็นจะไม่ร้อน ส่วนทิศใต้เป็นทิศที่มีลมพัดผ่านได้ตลอดวัน
ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีอย่างไรก็ตามการเลือก ทิศสำหรับบ้านบาง หลังอาจมีข้อจำกัด ในตำแหน่งที่ตั้ง และผังบ้าน แม้ครัวจะอยู่ในทิศที่ไม่เหมาะสม อย่างทิศเหนือ ครัวดังกล่าวจึงต้อง ออกแบบให้มี ความโปร่งเป็นพิเศษ หรือ หากตำแหน่งครัว อยู่ในตำแหน่งมุมบ้าน ให้เลือกเปิดช่องแสง ช่องลม ในทิศอื่น ๆ ทดแทน
2. มีช่องทางระบายอากาศ
ครัวบางบ้านอยู่ในตำแหน่งอับ ไม่มีช่องทางระบายอากาศ ในขณะที่เวลาปรุงอาหารไทยต้องใช้เครื่องเทศปรุงแกง คั่ว ผัด ทำให้เกิดกลิ่นฉุนและควันอบอวลรบกวนการใช้ชีวิต จึงควรมีช่องลมให้ระบายอากาศ ระบายกลิ่นที่เหมาะสม เช่น หน้าต่าง เครื่องดูดควันเหนือเตา พัดลมระบายอากาศ ที่จะช่วยดึงควันและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกไปแล้วเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศในครัว พัดลมระบายอากาศที่เหมาะกับครัวไทยควรหมุนด้วยความเร็วรอบตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาทีขึ้นไป ติดตั้งตรงด้านที่รับการไหลเข้าของอากาศในห้องหรือตรงกับช่องลม ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการระบายอากาศดียิ่งขึ้น
3. พื้นที่เตรียมอาหารและสัดส่วนเหมาะสม
บ้านที่ทำอาหารทานเองเป็นหลักในแต่ละมื้อจะทำหลายเมนูพร้อม ๆ กัน หากเคาน์เตอร์ครัวเล็ก มีที่ว่างไม่พอสำหรับเตรียมอาหารคงไม่ตอบโจทย์การใช้งานจริง การออกแบบชุดห้องครัวจึงต้องกำหนดขนาด ความสูง ระยะห่าง ที่เหมาะสมตามการใช้งาน พื้นที่ห้องและหลักสรีรศาสตร์ เช่น ทอปเคาน์เตอร์ปกติจะสูงจากพื้นประมาณ 80-90 ซม. ความลึกเคาน์เตอร์ประมาณ 55-65 ซม.
ส่วนความยาวจะขึ้นอยู่ กับการใช้งาน หากทำอาหาร ครั้งละมาก ๆ ก็เพิ่มความยาว ให้วางของได้มาก สำหรับไอส์แลนด์เตรียมอาหารและเคาน์เตอร์ครัวควรอยู่ห่างกันประมาณ 80 – 100 ซม. เพื่อให้พอดีกับจังหวะการหมุนตัวและมีระยะห่างเมื่อใช้งานพร้อมกันหลายคน สัดส่วนทั้งหมดที่ว่ามาสามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นหรือลดลงให้เหมาะกับความสะดวกในการหมุนตัว ก้ม เอื้อม ตามสรีระของผู้ที่ใช้งานเป็นหลัก
4. เลือกวัสดุที่ดูแลง่าย
มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมบ้านหลาย ๆ หลัง บ้านแต่ละ หลังส่วนใหญ่ ออกแบบครัวในบ้าน ไว้อย่างสวยงามเลยครับ แต่เมื่อพูดคุยสอบถามกันลึก ๆ ส่วนใหญ่มักบอกเป็น เสียงเดียวกันว่า ไม่ค่อยได้ใช้ กลับไปใช้ งานครัวไทยเล็ก ๆ หลังบ้านแทน ปัญหาหลัก ๆ เกิดขึ้นจาก กังวลเรื่อง ครัวสกปรก กลัวจะไม่สวยแบบเดิม ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ไม่ยากครับ อยู่ที่กระบวนการเลือกวัสดุในตอนต้น วัสดุโซนห้องครัว ทั้งพื้น ผนัง เคาน์เตอร์ ควรเป็นวัสดุ เคลือบผิว มีลักษณะมันวาว และ ไม่ดูดซับความชื้น
วัสดุที่ควรเลี่ยงใช้ อาทิ ผนังปูนเปลือย, ผนังอิฐ, วอลเปเปอร์ที่ไม่มี การเคลือบผิว แนะนำให้ใช้วัสดุประเภทเซรามิก สแตนเลส หินอ่อน กระจก หรือวัสดุใด ๆ ที่เช็ดถูทำความสะอาดได้ง่าย โดยเฉพาะ ตำแหน่งวางกะทะ ควรมีผนังกันเปื้อน (Backsplash) และบริเวณรอบ ๆ ควรออกแบบให้มีพื้นที่กว้างไม่มีสิ่งของวางกีดขวาง หากเกิดคราบ สกปรกจะสามารถ เช็ดถูได้โดย สะดวกครับ
5.เคาน์เตอร์แข็งแรงรองรับงานหนัก
เคาน์เตอร์เป็นหัวใจสำคัญที่ต้องใช้ทำอาหารเป็นประจำทุกวัน หากออกแบบไม่แข็งแรงใช้งานไม่ถึงปีอาจจะมีพัง โดยเฉพาะครัวไทยที่ต้องใช้วางเขียง ครก กระทะ เพื่อทำอาหารที่ต้องโขลก ๆ สับ ๆ ได้เต็มรูปแบบ เคาน์เตอร์จึงต้องมีคุณสมบัติรองรับน้ำหนักได้มากและรับแรงกระแทกได้ดี จึงไม่เหมาะกับครัวสำเร็จรูปที่ทำเคาน์เตอร์ด้วยไม้ MDF หรือไม้ Partcle Board
เคาน์เตอร์ครัวที่เหมาะสำหรับทำอาหารไทย ควรเลือกเป็นครัวปูน ช่างจะทำการก่ออิฐเพื่อทำฐานเคาน์เตอร์ขึ้นมา ส่วนทอปเคาน์เตอร์เป็นลักษณะคอนกรีตเสริมเหล็ก วิธีดังกล่าวจะเหมาสมกับการทำตั้งแต่กระบวนการสร้างบ้าน เป็นครัวที่ช่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังแข็งแรงและเหมาะกับอาหารคาวหวานแบบไทย ๆ ด้วย
ห้องครัว นับเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญภายในบ้าน รองลงมาจาก ห้องนอน และห้องนั่งเล่นเลย เพราะห้องครัวไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ทำอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ สำหรับแฮงค์เอ้าท์ นั่งเล่น หรือ แม้กระทั่งทำงาน ที่สำคัญ ห้องครัวยังเป็นสถานที่ในการสร้างช่วงเวลาดีๆ กับคนในครอบครัวอีกด้วย ฉะนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับการออกแบบวางผังพื้นที่ห้องครัว เพื่อให้ห้องครัวเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเข้ามาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- หลักการออกแบบแสงสว่างของห้องครัว : หากเป็นไปได้ควรเลือกติดตั้งหน้าต่างห้องครัว ในมุมที่แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างได้ ซึ่งนอกจากแสงธรรมชาติจะให้แสงสว่างที่นุ่มนวลสบายตาแล้ว การมีแสงสว่าง และการมีหน้าต่างระบายอากาศที่เหมาะสมจะทำให้ครัวไม่มีกลิ่นเหม็นอับ และไม่มีปัญหาเรื่องความอับชื้น อีกทั้งยังให้อุณหภูมิความร้อนที่สามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้ดีอีกด้วย
- หลักการถ่ายเทอากาศของห้องครัว : ในกรณีที่คุณมีบ้านเป็นของตนเอง คุณสามารถใช้หลักการเดียวกับการออกแบบแสงสว่างของห้องครัวได้เลย แต่หากคุณอยู่ในอาคาร ชุดที่มีพื้นที่จำกัด หรือ อาคารสาธารณะ เช่น อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม โรงแรม ฯลฯ อาจมีช่องเปิด หรือหน้าต่างในพื้นที่ครัวค่อนข้างน้อย หรืออาจไม่มีช่องเปิดเลย จึงจำเป็นต้องติดตั้งระบบระบายอากาศเพิ่มเติม เพื่อช่วยดูดควัน หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกไปยังด้านนอกอาคาร และช่วยถ่ายเทอากาศได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดความอับชื้น กลิ่นเหม็นอับ และการสะสมของเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น
- หลักการออกแบบตกแต่งพื้นห้องครัว : หลักการออกแบบ ตกแต่งพื้น ห้องครัว ควรออกแบบให้ ลดระดับต่ำกว่าพื้นห้องอื่นๆ ประมาณ 5-10 ซม. และ จะต้อง มีองศาพื้นที่ ลาดเอียงเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยให้ การระบายน้ำ สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น การออกแบบพื้นห้องครัวในลักษณะนี้ก็เพื่อความสะดวกเวลาทำความสะอาดพื้น หรือล้างพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่ใช้ในการล้างทำความสะอาดไหลไปเปรอะเปื้อนห้องอื่นๆ
- หลักการออกแบบตกแต่งผนังห้องครัว : การออกแบบตกแต่งผนังห้องครัวควรใช้สีน้ำมัน หรือสีอะคริลิคกึ่งเงาแทนการใช้สีน้ำพลาสติกสำหรับทาภายในทั่วไป เนื่องจากสามารถทำความสะอาดคราบเขม่า คราบควัน ที่เกิดจากการปรุงอาหารได้ง่ายกว่าสีทาบ้านทั่วไป
- หลักการออกแบบตกแต่งท็อปเคาน์เตอร์ครัว : การออกแบบ ตกแต่งท็อปเคาน์เตอร์ ครัวควรมีความลึก อย่างน้อย 60 ซม. และสูงจากพื้นถึงท็อป 90-105 ซม. ในบริเวณขอบควรลบ มุมขอบเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดอันตราย ต่อผู้ใช้งานเวลาเกิดการชน หรือเกิดการกระแทกโดยไม่ตั้งใจ และที่สำคัญท็อป เคาน์เตอร์ครัวควรมีพื้นผิวมัน เพื่อความสะดวกในการกำจัดคราบสกปรกจากการปรุงอาหาร
- หลักการออกแบบฝ้าเพดานห้องครัว : การออกแบบฝ้าเพดานห้องครัวควรมีความสูงจากพื้นห้องถึงฝ้าเพดานไม่น้อยกว่า 2.5 เมตร เพื่อความสะดวกในการถ่ายเทอากาศ และวัสดุที่ใช้ควรเป็นแบบแผ่นเรียบที่ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย เช่น ยิปซั่มบอร์ด ไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นต้น