แบบบ้าน สไตล์รีสอร์ท
แบบบ้าน สไตล์รีสอร์ท สะท้อนความงามบ้านสีขาว บนเนินสูงเล่นระดับใครๆ ที่รักท้องทะเลและชายหาด คงจะฝันอยากมีบ้านริมทะเลสักหลังที่จะได้เดินเปลือยเท้าเหยียบทรายเล่น นั่งชิงช้าใต้ต้นไม้รับลมทะเลที่ทำให้ฤดูร้อนสดชื่นขึ้นมาทันที สำหรับบทความนี้เราจะพาไปชมบ้านหลังใหญ่ที่บรรจุไลฟ์สไตล์ริมชายหาดที่นิวซีแลนด์ เป็นอาคารสีขาวล้วนที่สะท้อนความงดงามของผืนทราย ผสมผสานการใช้ชีวิตแบบครอบครัวที่ผ่อนคลายเข้ากับความบันเทิงตลอดทั้งปี เห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่าเหมือนบ้านทรายทองที่มาพร้อมการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา
บ้านสีขาวสไตล์ชายหาด
บ้านพื้นที่ 489 ตารางเมตรหลังนี้สร้างเสร็จในปี 2017 ออกแบบและสร้างขึ้นโดยสถาปนิก เบรนดอน กอร์ดอน และเพิ่งได้รับการแนะนำในนิตยสาร NZ House & Garden ว่าเป็นบ้านริมชายหาดอันโดดเด่นและกว้างขวางเต็มไปด้วยคุณค่าทางสุนทรียะ ที่ตั้งของอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเนินไล่ระดับของ Mount Maunganui เมืองในเกาะเหนือ ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งสถาปนิกได้เปลี่ยนข้อด้อยของพื้นที่เนินไม่ราบเรียบ ให้เป็นจุดเด่นที่สมบูรณ์แบบ พร้อมทางเดินไปยังหาดทรายสีเงินและวิวเส้นขอบน้ำทะเลที่มีชื่อเสียงระดับโลก
อาคารหน้าจั่วเห็นเสาและที่ดูคล้ายวิหารพาร์เธนอนนี้ ค่อยๆ ไต่ระดับจากชั้นบนลงมาข้างล่าง ชั้นบนเป็นห้องนอน ต่อมาเป็นห้องพักผ่อนพื้นที่ต้อนรับแขกและห้องเอนเตอร์เทน ค่อย ๆ ไหลจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างราบรื่น จากนั้นจะเปิดออกมาสู่พื้นที่ระเบียงนั่งเล่นกลางแจ้ง และมีบันไดคอนกรีตสีขาวทอดยาวนำไปสู่สนามหญ้าที่ตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมอ่างอาบน้ำสปาที่ติดกับเนินทรายให้ความผ่อนคลายแบบเป็นส่วนตัว
จากภายนอกที่บ้านดูอลังการด้วยขนาด สี และดีไซน์ มาสู่ภายในที่ตกแต่งโทนสีขาวแต้มแต่งด้วยสีฟ้า สอดรับบรรยากาศแบบชายฝั่งทะเลที่สดชื่น เติมความสะดวกสบายกับพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้สอยตามอัธยาศัยได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้บริเวณบ้านยังอบอวลด้วยความอบอุ่นไปกับพื้นไม้โอ๊ค เย็นสบายกับลมทะเลที่ไหลผ่านประตูหน้าต่างได้เต็มที่ทั้งสามด้านของตัวบ้าน
บ้านในฝันของเหล่า Entertainer ที่มีบริเวณให้มารวมตัวกัน เชื่อมต่อ และแบ่งปันช่วงเวลาดี ๆ จากการได้พูดคุย เดินชมวิวพร้อมดื่มเครื่องดื่มรอบๆ ห้องครัวร์อันหรูหรา พร้อมพื้นที่ทำกับข้าวที่กว้างขวางรองรับผู้มาเยือนได้มากมาย องค์ประกอบภายในโล่งกว้างที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น และเครื่องใช้ระดับไฮเอนด์ ทำให้งานเลี้ยงดูพิเศษสุด นอกจากครัวในบ้านแล้วยังมีพื้นที่ครัว outdoor ติดตั้งเตาย่างแบบใช้แก๊สในตัวทำให้ง่ายต่อการย่างเนื้อ มาพร้อมเครื่องทำความร้อนภายนอกช่วยให้คุณอยู่กลางแจ้งในฤดูหนาวได้นานถึงกลางคืน
ในบางมุมที่ตองการเวลาและพื้นที่พักผ่อนแบบส่วนตัว ก็มีห้องสำหรับดูหนัง ฟังเพลง ที่รู้สึกได้ถึงความเงียบ สงบ และความอุ่นจากพรมขนสัตว์นุ่ม ๆ ที่วางปูอยู่บนโต๊ะโซฟา
ชั้นบนเป็นห้องมาสเตอร์สวีทสุดหรู ที่ออกแบบให้บริเวณปลายเตียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ เปิดมุมมองห้องกว้างและไกลแบบพาโนรามาเชื่อมต่อไปยังภูมิทัศน์ของผืนหญ้า มหาสมุทร และท้องฟ้าสีครามสดใส ห้องนอน 3 ห้องที่เหลือทั้งหมดมีขนาดกว้างขวาง บางห้องมี Seaview ส่วนบางห้องจะหันเข้ามาวิวสนามกอล์ฟ
ไม้โอ๊ค หรือไม้ไวท์โอ๊ค (White OAK) เป็นไม้เนื่อแข็งทนทานต่อสภาพอากาศ มีมากในยุโรป สีเหลืองอ่อนเหลือบน้ำตาล เนื้อไม้มีสีขาวอมเทา เห็นเสี้ยนไม้และลายไม้ชัดเจนสวยงามไม่แพ้ไม้สัก สามารถทำสีแบบเคลือบเงาใสโชว์สีเนื้อไม้ธรรมชาติ หรือย้อมสีได้หลากหลาย นิยมทำงานตกแต่งภายใน งานปูพื้น งานบันได บัวพื้น บัวฝ้า เหมาะสำหรับตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น, สแกนดิเนเวียน, Japandi
บ้านไม้สไตล์รีสอร์ท กลางอ้อมกอดขุนเขาและเงาไม้
“ธรรมชาติ” ยังเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ผู้คนมักหลบไปแวะพิงกายพิงใจให้หายเหนื่อยเสมอ เพราะมนุษย์รู้ดีว่าต้นไม้ สายลม แสงแดด ลำธาร มีพลังงานพิเศษบางอย่างที่จะเยียวยาจิตใจให้สดชื่นขึ้นได้อย่างประหลาดได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่มีนักท่องเที่ยวมากมายหลั่งไหลไปจับจองที่พักตากอากาศใจกลางธรรมชาติจนเต็ม แต่สำหรับบางคนเท่านั้นยังไม่พอขอสร้างบ้านอยู่ท่ามกลางของขุนเขาและเงาไม้เสียเลย เหมือนเช่นบ้านหลังนี้ที่แทรกสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ เข้าไปในบริบทที่มีอยู่อย่างกลมกลืนและสวยงาม
โครงการนี้สร้างอยู่ในใจกลางหุบเขาประเทศบราซิล ซึ่งยังมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ ตัวอาคารมี 3 จุดกระจายอยู่บนเนินที่มีทางเดินหินเชื่อมต่อถึงกันหมด บ้านหลักเป็นอาคารรูปร่างตัว L รูปแบบคล้ายกับบ้าน สไตล์ Prarie ของแฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ ซึ่งเป็นของสถานที่ที่สวยงามท่ามกลางทุ่งหญ้าที่ล้อมรอบ และเพื่อการบูรณาการบ้านกับธรรมชาติอย่างที่ตั้งใจ สถาปนิกจึงพยายามผสมผสานการออกแบบภูมิทัศน์เป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม ผ่านช่องเปิดขนาดใหญ่ใส่กระจกรายรอย และเลือกใช้วัสดุหิน เหล็ก และไม้ เป็นส่วนประกอบของแต่ละอาคาร
ในส่วนของการจัดภูมิทัศน์ออกแบบโดย Lula Cancio – Floriverde Paisagismo เราจะเห็นการใช้วัตถุธรรมชาติ การกระจายการก่อสร้างเป็นส่วนๆ เพื่อสร้างเส้นทางที่น่าสนใจ ระหว่างที่เดินจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งวางภูมิทัศน์ธรรมชาติของป่าแอตแลนติกที่อุดมสมบูรณ์ สวนที่จัดขึ้นใหม่ และทางเดินปูด้วยแผ่นหิน จากจุดต่างๆ ในสวน ผู้เข้าพักสามารถมองเห็นภูเขา Mãe D’água, Pedra do Cone, Pico da Alcobaça ที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับสถาปัตยกรรมเหมือนเป็นฉากหลังที่ดูหนักแน่นมั่นคง
โครงสร้างบ้านส่วนใหญ่ทำจากไม้ท่อนไม้สี่เหลี่ยม (23×23 ซม. และ 30×30 ซม.) และแผ่นไม้หนา ซึ่งเป็นไม้เก่าที่เจ้าของทยอยซื้อสะสมเอาไว้ องค์ประกอบส่วนอื่นๆ ใช้การก่ออิฐทาสีง่ายๆ ม้ กรอบหน้าต่างไม้มีช่องเปิดกว้าง เพื่อให้บ้านสามารถรับทั้งแสง ลม และวิวรอบข้างได้แบบ 360 องศา หากมองจากมุมมองของความยั่งยืน การใช้หินและไม้ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยลดการตัดต้นไม้และการเหมืองหิน ที่ต้องลงทุนในแรงงานมนุษย์และเครื่องจักรในการสกัด ถือว่าการใช้วัสดุอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในเมื่อบริเวณรอบบ้านใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศได้ดี มีภูเขา หิน พรรณไม้พื้นเมือง แสงแดดที่ส่องผ่านอ่อน ๆ ยามเช้า ทำไมเราต้องอุดอู้อยู่ในบ้าน สู้ออกมานั่งเล่นที่เฉลียงเอาท์ดอร์จิบกาแฟหอม ๆ พร้อมทานขนมชิ้นโปรด ระหว่างฟังเสียงนกที่แวะเวียนมาทักทาย ก็ปล่อยสายตาไปกับก้อนเมฆที่ค่อย ๆ ลอยเลื่อนผ่านช้า ๆ ได้มีเช้าวันใหม่แบบนี้ ความสุขก็อยู่แค่ตรงหน้า
ภายในอาคารหลักมีการปรับขนาดเชิงพื้นที่ที่สะดวกสบายและใช้งานได้ง่าย โดยจัดแปลนในส่วนสาธารณะในลักษณะ open plan รวมพื้นที่นั่งเล่น ทานข้าว และครัวอยู่ในบริเวณเดียวกัน จึงเข้าถึงกันได้หมดและเลยออกไปเชื่อมต่อภายนอกได้ทุกด้านด้วย ทุกอาคารตกแต่งเรียบง่ายมาก มีงานไม้ที่ใช้เป็นองค์ประกอบหลักไม่ว่าจะเป็นพื้น โครงสร้าง กรอบหน้าต่าง ประตู ไปจนถึหลังคาสร้างบรรยากาศที่น่าสัมผัสและอบอุ่น ในทางเดิน ตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำในห้องสวีท สกายไลท์ถูกสร้างขึ้นเพื่อแสงจากธรรมชาติ ช่วยลดการใช้พลังงานในตอนกลางวันได้อีก
นอกจากภูเขา ต้นไม้ แล้ว ในบริเวณที่ตั้งยังมีลำธารธรรมชาติที่ไหลผ่าน สร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่ ชวนให้ออกมานอนเปลฟังเสียงน้ำไหลกระทบหินเพลิน ๆ บางวันที่ร้อน ๆ ก็ลงไปแช่น้ำเล่นเย็นชื่นใจFrank Lloyd Wright เป็นสถาปนิกระดับโลกที่ได้สร้างผลงานสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ผลงานที่โด่งดังของเขามีมากมายหนึ่งในนั้นคืองานที่เรากล่าวถึง คือ ‘Prairie Style’ หรืออาคารสไตล์แพร์รี ที่แปลว่า “อาคารคือสิ่งมีชีวิตที่งอกขึ้นจากผืนดิน” สวน
หมายถึงแนวคิดในการทำสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เป็นปฏิปักษ์กับสภาพแวดล้อม ซึ่งจะลักษณะลดหลั่นบิดเบี้ยวไม่เท่ากัน เป็นการผสมผสานระหว่างงานสถาปัตยกรรมและธรรมชาติที่ลงตัว โดยในตัวบ้านจะวางแผนออกแบบโซนใช้งานสาธารณะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันแบบ open plan มีประตูหน้าต่างที่เปิดออกได้กว้างๆ เพื่อสร้างกระแสธรรมชาติและเพื่อดึงคนออกจากห้องปิด ออกไปสู่พื้นที่ธรรมชาติที่จัดเอาไว้นอกบ้านคลิ๊กที่นี่…